
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฉีดแล้วจะไม่เป็นหวัดอีกเลยหรือเปล่า แล้วจำเป็นต้องฉีดซ้ำไหม ใครคือกลุ่มเสี่ยงที่ต้องฉีด อยากรู้คำตอบตามไปอ่านด้วยกันเลย
เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว สายฝนที่โปรยปรายกับอากาศชื้น ๆ พาโรคภัยไข้เจ็บมาหาเราได้หลายโรคเลยเนอะ โดยเฉพาะ "โรคไข้หวัดใหญ่" ที่มีคนป่วยกันไม่น้อยเลยในแต่ละปี เพราะแพร่ระบาดได้ง่าย แค่หายใจ ไอ จาม ก็พาลให้คนข้าง ๆ ป่วยตามได้แล้ว แต่ถ้าเราฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆ ก็ช่วยลดความเสี่ยงให้เราได้เหมือนกัน
ว่าแต่...ใครกันนะที่ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ แล้วถ้าเราเคยฉีดไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ต้องไปฉีดซ้ำอีกไหม แล้วถ้าฉีดแล้วจะไม่เป็นหวัดไปตลอดทั้งปีเลยหรือ? ใครกำลังมีข้อสงสัยเรื่องการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่อยู่ล่ะก็ วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ จากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มาช่วยไขคำตอบให้แล้วค่ะ

ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซ่า ซึ่งมักระบาดเป็นช่วง ๆ โดยเฉพาะในช่งหน้าฝนและหน้าหนาว แถมยังมีความร้ายกาจตรงนี้มีโอกาสกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่รุนแรงได้ด้วย อย่างเช่นตอนที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ H1N1 หรือไข้หวัด 2009 ถือเป็นการระบาดครั้งใหญ่เลย

จริง ๆ อาการไข้หวัดใหญ่ก็คล้ายกับไข้หวัดทั่วไปค่ะ แต่จะมีอาการรุนแรงกว่า ผู้ป่วยจะมีน้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ มีไข้สูงมาก ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว บางรายจะมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น ปอดบวม ถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลได้เลย


วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นวัคซีนชนิดฉีด ผลิตจากเชื้อที่ตายแล้วโดยผ่านกระบวนการผลิตที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรค แต่ผู้ฉีดวัคซีนแล้วยังอาจเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ แต่อาการจะน้อยลง โดยภูมิคุ้มกันจะสร้างขึ้นภายใน 2 สัปดาห์หลังจากได้รับวัคซีน

ใครคิดแบบนี้อยู่ต้องรีบบอกเลยว่า "ไม่ใช่" ค่ะ เพราะวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่จะช่วยป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เท่านั้น ไม่ได้ป้องกันโรคไข้หวัดทั่วไปที่เกิดจากเชื้ออื่น ๆ นะ

วัคซีนนี้สามารถฉีดป้องกันได้เกือบทุกคนนะคะ แต่ปกติแล้ว กระทรวงสาธารณสุขจะเน้นย้ำให้คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรได้รับการฉีดวัคซีนมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ คือ










ใครที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ สามารถไปขอรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ฟรีตามโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศ หรือสถานบริการสาธารณสุขของรัฐที่เข้าร่วมโครงการ สอบถามก่อนได้ที่สายด่วน สปสช. โทร.1330 หรือที่สายด่วนกรมควบคุมโรค หมายเลข 1422


สามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ ก่อนฤดูฝน (เดือนพฤษภาคม) และก่อนฤดูหนาว (เดือนตุลาคม) เพราะเป็นช่วงที่เริ่มมีการระบาดแล้วค่ะ

ถึงแม้เราจะฉีดวัคซีนไปแล้วเมื่อปีที่ก่อน แต่ปีนี้ก็ต้องฉีดด้วยค่ะ เพราะภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่มักอยู่ไม่นาน มักลดต่ำลงได้ในระยะเวลาไม่กี่เดือนหรือปี จึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่กระตุ้นภูมิคุ้มกันทุกปี เพื่อจะได้ป้องกันได้อย่างต่อเนื่อง
แล้วรู้ไหมว่า เชื้อไข้หวัดใหญ่มักกลายพันธุ์ได้ในช่วงระยะเวลาไม่นานด้วย ทำให้สายพันธุ์ที่ระบาดในแต่ละปีไม่เหมือนกัน ดังนั้น จึงต้องปรับเปลี่ยนวัคซีนไปตามฤดูกาลปัจจุบัน เราจึงจำเป็นต้องฉีดทุกปีเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ปรับให้เหมาะสมกับเชื้อใหม่ในแต่ละปีนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณพ่อคุณแม่พาลูก ๆ อายุต่ำกว่า 9 ปี ไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นครั้งแรก มีคำแนะนำให้ฉีด 2 เข็มค่ะ โดยให้เข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 4 สัปดาห์

การฉีดวัคซีนทุกชนิดสามารถทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้ ทั้งมีอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีด เป็นไข้ ปวดเมื่อย แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1-2 วันหลังฉีดยา สามารถใช้ผ้าเย็น ๆ ประคบบริเวณที่บวมได้ หรือทานยาลดไข้ในขนาดที่เหมาะสมได้
ส่วนที่ว่าฉีดยาแล้วจะมีอาการแพ้หรือไม่นั้น พบได้น้อยมากค่ะ ถ้าใครแพ้จริง ๆ จะมีอาการปรากฏให้เห็นภายใน 2-3 นาที ถึง 2-3 ชั่วโมงหลังฉีด โดยอาจมีอาการหายใจไม่สะดวก หายใจมีเสียงดัง หอบ เสียงแหบ ลมพิษ หัวใจเต้นเร็ว วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม หมดสติ ถ้ามีอาการแบบนี้ให้รีบพบแพทย์ทันที


ถึงแม้วัคซีนไข้หวัดใหญ่จะช่วยป้องกันโรคได้ แต่ก็มีบางคนที่ไม่ควรฉีดวัคซีนชนิดนี้ คือ






คนที่มีอาการหวัด คัดจมูก เจ็บคอ ไอ ยังคงสามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ค่ะ แต่ถ้ามีไข้ ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน

ถ้าเพื่อน ๆ อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่กล่าวมาแล้วข้างต้น สามารถเข้าไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ฟรีที่โรงพยาบาลของรัฐได้เลยค่ะ ไม่ต้องเสียสตางค์ แต่ถ้าเราไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง เพียงแต่อยากฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ก็ติดต่อสอบถามราคาการฉีดวัคซีนตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ได้เลย
อ้อ...ที่อยากจะบอกก็คือ ราคาวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ของแต่ละโรงพยาบาลจะไม่เหมือนกันนะคะ แต่ส่วนใหญ่ราคาจะไม่เกินเข็มละหนึ่งพันบาทค่ะ และยิ่งในช่วงฤดูฝนแบบนี้ถือเป็นโอกาสดีที่โรงพยาบาลหลายแห่งมักจะจัดโปรโมชั่นลดราคาอยู่ ลองติดต่อสอบถามที่โรงพยาบาลใกล้บ้านได้เลย